“ท่องเที่ยวโลกบูมปี66 มะกันเล็งเอเชีย-ยุโรป กทม.ติดTop3”

ธุรกิจมีอะไรบ้าง

“ท่องเที่ยวโลกบูมปี66 มะกันเล็งเอเชีย-ยุโรป กทม.ติดTop3” โดย 10 อันดับจุดหมายปลายทางเที่ยวบินต่างประเทศของชาวอเมริกันในช่วงต้นเดือน ธ.ค. พบว่า 8 แห่งอยู่ในเอเชียและโอเชียเนีย

ผลสำรวจตลาดท่องเที่ยวของบริษัทวิจัย Destination Analysts ระบุว่า ชาวอเมริกันพร้อมออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศกันมากขึ้นในปี 2566 โดยมีสัดส่วน 31% สนใจเที่ยวต่างประเทศมากกว่าในประเทศ

ส่วนเว็บไซต์ฮอปเปอร์ รายงานการค้นหาเที่ยวบินในสัปดาห์แรกของเดือน ธ.ค. พบว่า ชาวอเมริกัน 63% มีจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเป็นต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน บวกกับความหวาดกลัวต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มเบาลงในเดือน พ.ย.

ขณะที่คำค้นหาเที่ยวบินต่างประเทศจากเว็บไซต์คายัก ณ วันที่ 18 ธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.3% จากปีก่อน แต่คำค้นหาเที่ยวบินในสหรัฐลดลง 13% และข้อมูลตลาดประกันภัยการเดินทางจากสแควร์เมาท์ เผยว่า สัดส่วนการเดินทางระหว่างประเทศที่ชาวอเมริกันซื้อประกันเดินทางเทียบเท่ากับระดับท่องเที่ยวในปี 2562 เป็นครั้งแรกที่ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 และจะมียอดจองตั๋วเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2566

ธุรกิจมีอะไรบ้าง

ผู้เชี่ยวชาญเสริมว่า เงินดอลลาร์แข็งค่ากว่าเงินสกุลอื่น เช่น เงินยูโร รวมถึงผลจากการทำงานแบบไฮบริด สร้างความยืดหยุ่นสำหรับการท่องเที่ยว และบางสายการบินเพิ่มเที่ยวบินระยะยาวในต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ชาวอเมริกันอยากเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น

“เจสสิกา กริสคาเวจ” ที่ปรึกษาการท่องเที่ยวและซีอีโอบริษัทรันเวย์ทราเวล กล่าวว่า “มีความต้องการท่องเที่ยวที่ถูกอัดอั้นมานานจำนวนมาก เนื่องจากไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้เลยตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา”

เมื่อเดือน มิ.ย. สหรัฐยกเลิกการตรวจโควิด สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ และหลายประเทศเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้ว

ข้อมูลจากเว็บไซต์คายัก ระบุว่า นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดสสามารถเข้าประเทศอื่นได้ 197 ประเทศ โดยไม่ต้องตรวจโควิดหรือกักตัว ส่วนอีก 16 ประเทศที่เปิดรับนักท่องเที่ยว ยังคงให้ตรวจโควิดก่อน และมีเพียง 12 ประเทศเท่านั้น ที่ยังไม่ต้อนรับชาวอเมริกันที่รับวัคซีนครบแล้ว เช่น จีน ลิเบีย เติร์กเมนิสถานและเยเมน

อีกหลายประเทศรวมถึง ออสเตรเลีย ภูฏาน อิสราเอล ญี่ปุ่น มาเลเซีย โมร็อกโก นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์และสิงคโปร์ เริ่มเปิดประเทศในปีนี้ และประเทศยุโรปหลายแห่งยกเลิกตรวจโควิด-19 สำหรับนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน

“นิตยา แชมเบอร์” บรรณาธิการบริหารและรองประธานอาวุโสฝ่ายคอนเทนต์ จากโลนลีแพลนเน็ต กล่าวว่า ในยุคที่มีการแพร่ระบาดจนเกิดงาน ‘รีโมตเวิร์ก’ เพิ่มขึ้น ทำให้รายการสิ่งที่อยากทำกลายเป็นจริงได้มากขึ้น

เว็บฮอปเปอร์ พบว่า นักท่องเที่ยว 67% ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และ 20% เดินทางไกลกว่าเดิม เนื่องจากรีโมตเวิร์กมีความยืดหยุ่น

ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเตรียมรับนักท่องเที่ยวครั้งใหญ่ในปี 2566 จากการเปิดประเทศในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ซึ่งญี่ปุ่นอาจได้ประโยชน์มากที่สุด โดยญี่ปุ่นเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. แต่ยังมีมาตรการควบคุมโควิดอยู่บ้าง

“หากพูดถึงการท่องเที่ยว คุณต้องพูดถึงประเทศญี่ปุ่น ส่วนออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน” เอริน ฟลอริโอ บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Condé Nast Traveler กล่าว

เว็บไซต์ฮอปเปอร์ เผยว่า เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีคนอยากเข้ามาเที่ยวมากที่สุด โดยพบว่าเที่ยวบินต่างประเทศ 27% เป็นเมืองในเอเชีย มากกว่าปีก่อนที่เที่ยวบินไปเอเชียมีเพียง 19%

ทั้งนี้ 10 อันดับจุดหมายปลายทางเที่ยวบินต่างประเทศในช่วงต้นเดือน ธ.ค. พบว่า 8 แห่งเป็นเมืองในแถบเอเชียและโอเชียเนีย โดยกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น, กรุงโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม และกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของไทย ติดสามอันดับแรก ซึ่งมีค่าเดินทางเฉลี่ยประมาณ 1,200 ดอลลาร์ต่อเที่ยวบิน

“เบ็น เปอร์โล” กรรมการผู้จัดการจีแอดแวนเจอร์ส บริษัทบริการทัวร์ต่างประเทศ จากแคนาดา กล่าว่า บริษัทมียอดขายทัวร์ส่วนใหญ่เป็นทัวร์ญี่ปุ่น ไทย และเวียดนาม

อย่างไรก็ตาม ยุโรปยังคงเป็นที่นิยมท่องเที่ยวในด้านมูลค่า  โดยข้อมูลจากกูเกิลไฟลต์เผยว่า เมืองในยุโรปที่ถูกค้นหามากที่สุดเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ได้แก่ ลอนดอน, โรม, และลิสบอน

ส่วนโพลจาก Destination Analysts ระบุว่า ประเทศยุโรปที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ในปี 2566 ได้แก่ อิตาลี อังกฤษ และฝรั่งเศส

แต่การท่องเที่ยวในเอเชียที่กำลังเติบโตในปีหน้า ยังมีอุปสรรคอยู่หลายอย่าง  โดยค่าเงินเป็นข้อกังวลหลักของนักท่องเที่ยวที่มีงบจำกัดจากภาวะเงินเฟ้อ ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคเมื่อปีก่อน ระบุว่า ราคาตั๋วเดินทางและโรงแรมเพิ่มขึ้น 36% และ 3% ตามลำดับ

เว็บไซต์ฮอปเปอร์ ระบุด้วยว่า การท่องเที่ยวในต่างประเทศอาจมีราคาแพงมากขึ้นในปีหน้า แม้สัญญาณจากดัชนีราคาผู้บริโภค ราคาตั๋วเดินทาง โรงแรม และรถเช่าเริ่มลดลงช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา

ส่วน Destination Analysts ระบุว่า ความต้องการท่องเที่ยวพุ่งขึ้นในช่วงปี 2565 แม้เศรษฐกิจยังน่าเป็นห่วง

ทั้งนี้ เงินยูโรอ่อนค่าเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ชาวอเมริกันได้สิทธิลดราคาเมื่อจองตั๋วท่องเที่ยวไปประเทศยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และโปรตุเกส

แชมเบอร์ กล่าวว่า “เศรษฐกิจ ราคาสินค้าและบริการในช่วงนี้ ไม่สามารถหยุดยั้งผู้คนไม่ให้ท่องเที่ยวได้ ประชาชนอยู่แต่ในบ้านมานาน พวกเขาอยากออกไปข้างนอก หลายคนต่างจดสิ่งที่อยากทำหรืออยากได้รับประสบการณ์ และตั้งเป้าว่าจะทำให้ได้”

ข่าวแนะนำ : ซิสโก้เผยกลยุทธ์ธุรกิจสู่ตลาด 4 ด้านในปี 2566